วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2551

งานที่อาจารย์ให้ส่ง

1. CAD , CAM , CAE คืออะไร และเกี่ยวข้องกับงานวิศวกรรมอย่างไร จงอธิบาย
ตอบ CAD ซึ่งย่อมาจาก Computer Aided Design โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปต่างๆ
และหลังจากนั้นจะใช้โปรแกรมอีกประเภทหนึ่งซึ่งเรียกว่า CAM (Computer Aided Manufacturing)
ทำการแปลงตำแหน่งต่างๆ ของแบบที่เราสร้างมาจากโปรแกรม CAD ให้เป็น code ที่เรียกว่า
G-Code หลังจากนั้นเราก็นำเอา G-Code ที่ได้นี้ไปโหลดลงเครื่องจักร CNC แลวสั่งให้เครื่อง
จักรทำงานตามที่เราได้ตั้งโปรแกรมไว้ เครื่องจักรก็จะสามารถผลิตชิ้นงานตามที่เราออกแบบ
ได้ครับ
ตอบ CAMเป็นคำย่อของคำว่า Computer Aided Manufacturing ซึ่งแปลตามศัพท์ได้ความว่า
การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการผลิต ซึ่งจะใช้ซอฟท์แวร์เพื่อควบคุมเครื่องจักร ให้สามารถสร้าง
ชิ้นงานได้ตามที่ได้ออกแบบไว้แล้ว สำหรับการนำเอาคอมพิวเตอร์มาช่วยในการผลิตนั้น
มีชื่อเรียกว่า CAM ย่อมาจากคำว่า Computer Aided Manufacturing โดยทั่วเป็นการใช้
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ช่วยการทำงานของเครื่องจักรกลอัตโนมัติได้แก่ เครื่องกัดอัตโนมัติ เ
ครื่องกลึงอัตโนมัติ เครื่องตัดด้วยลวดอัตโนมัติเป็นต้นตามปรกติเครื่องจักรกลอัตโนมัติจะ
ทำงานตามคำสั่งที่เขียนไว้ในชุดคำสั่งหรือที่เรียกว่า NC Program ซึ่งชุดคำสั่งเหล่านี้จะ
ประกอบไปด้วยคำสั่งที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของเครื่องมือตัด ให้ตัดงานตามที่ต้องการทั้ง
รูปร่างและขนาด คำสั่งในการเปิดปิดอุปกรณ์ช่วยงานในส่วนอื่น ๆ เช่นปั๊มนํ้าหล่อเย็น SPINDLE
เป็นต้น แต่เดิมผู้ควบคุมเครื่องหรือช่างเทคนิคจะเป็นผู้เขียนโปรแกรมเหล่านี้ด้วยตนเองซึ่ง
นอกจากจะทำให้เสียเวลาในการทำงานเป็นอย่างมากแล้วยัง อาจเกิดความผิดพลาดขึ้นได้หากผู้เขียน
โปรแกรมอ่านแบบผิดหรือเขียนโปรแกรมผิดโดยไม่เจตนาหรือในบางกรณีอาจเป็นไปไม่ได้เลย
ที่มนุษย์จะเขียนโปรแกรมเองโดยเฉพาะเส้น ทางเดินของเครื่องมือตัดที่ตัดงานเป็นรูป 3 มิติ
ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว จึงมีการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยงานดังกล่าว โดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภทนี้จะสามารถสร้าง NC Program ที่ต้องการจากวัตถุ 3 มิติที่สร้างไว้แล้วก่อนหน้านี้
ตอบ CAE (Computer Aided Engineering) อาจจัดได้ว่าเป็นคลื่นลูกที่สามซึ่งมีผลกระทบโดยตรง
ต่อเทคโนโลยีการผลิตและการออกแบบสำหรับภาคอุตสาหกรรมไทยในปัจจุบัน เป็นคลื่นลูกใหม่
ต่อจากคลื่นของเทคโนโลยี CAD (Computer Aided Design) และ CAM (Computer Aided Manufacturing)
ซึ่งกระทบภาคอุตสาหกรรมการผลิตของไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในกรณีคลื่นของเทคโนโลยี
CAD และ CAM ที่ผ่านมานั้น วิศวกรและช่างเทคนิคไทยสามารถรับมือและปรับสภาพความพร้อม
ได้โดยไม่ยากนัก ทั้งนี้เนื่องจากกระบวนการที่มีอยู่ในเทคโนโลยีทั้งสองนี้สามารถทำความเข้าใจ
ได้ด้วยตนเองและใช้วิจารณญาณพิจารณาความถูกต้องได้โดยตรงจากการมองรูปภาพกราฟฟิก
บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ดังจะสังเกตได้จากโปรแกรมคอมพิวเตอร์การเขียนแบบ เช่น AutoCAD
ซึ่งเคยเป็นของแปลกใหม่และได้รับความสนใจในการเรียนรู้กันอย่างกว้างขวางเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว
ได้กลายมาเป็นของปกติธรรมดาที่สามารถเรียนรู้กันได้ด้วยตนเองบนเครื่องคอมพิวเตอร์
ส่วนบุคคลทั่วไป คลื่นของเทคโนโลยี CAE ไม่เป็นเช่นนั้น คลื่นลูกใหม่ CAE นี้ต้องการความรู้
ในหลายๆด้านก่อนจะนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ องค์ประกอบของความรู้ที่จำเป็นเริ่มตั้งแต่
(1) ความเข้าใจในคณิตศาสตร์ขั้นสูงทางวิศวกรรม (Advanced engineering mathematics)
ที่ประกอบด้วยสมการเชิงอนุพันธ์ย่อย (Partial differential equations) ซึ่งอยู่ในรูปแบบของ
สัญลักษณ์คล้ายเลขหกกลับทางที่เคยศึกษากันในระดับชั้นปีที่สี่ในมหาวิทยาลัย (2) ความเข้าใจใน
ระเบียบวิธีการคำนวณขั้นสูง เช่น ระเบียบวิธีผลต่างสืบเนื่อง (Finite difference method) หรือ
ระเบียบวิธีไฟไนต์เอลิเมนต์ (Finite element method) ที่เริ่มเปิดสอนกันตามมหาวิทยาลัยซึ่ง
แปลงสมการเชิงอนุพันธ์ย่อยดังกล่าวข้างต้นไปเป็นสมการทางพีชคณิตเพื่อให้สามารถคำนวณ
ออกมาเป็นตัวเลขได้ (3) ความเข้าใจในระเบียบวิธีเชิงตัวเลข (Numerical methods) ที่ปัจจุบันกลาย
เป็นวิชาบังคับในการเรียนวิศวกรรมศาสตร์ระดับปริญญาตรีในหลายสาขา ความรู้ที่เกิดขึ้น
ในระเบียบวิธีเชิงตัวเลขนี้เองจำเป็นต้องนำไปผนวกกับระเบียบวิธีการคำนวณขั้นสูงในข้อที่
แล้วอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ (4) ความเข้าใจในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ประกอบด้วยขั้นตอนของ
การคำนวณ เนื่องจากงานขนาดใหญ่อาจต้องใช้เวลาในการคำนวณนานหลายวัน ผู้วิเคราะห์จะ
สามารถเข้าใจได้ว่าในช่วงเวลานานนั้นโปรแกรมคอมพิวเตอร์กำลังทำอะไรอยู่ อันเป็นผลต่อ
เนื่องทำให้เกิดความมั่นใจในผลลัพธ์ที่คำนวณได้ และ (5) ประสบการณ์การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์
และโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้เนื่องจากผลลัพธ์ที่คำนวณได้นั้นประกอบด้วยตัวเลขเป็น
จำนวนมาก จำเป็นต้องทำความเข้าใจโดยการพิจารณาผลลัพธ์ที่แสดงเป็นกราฟฟิกสี จะ
ดูเป็นเพียงตัวเลขแบบงานเก่า ๆ ในอดีตไม่ได้อีกแล้ว

2. CAD , CAM , CAE มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร
ตอบ การใช้งานร่วมกันของระบบ CAD , CAM , CAE การผลิตโดยทั่วไปจะเริ่มต้นจากการใช้ CAD ในการออกแบบชิ้นส่วนหรือแก้ไขข้อมูล
เชิงตัวเลขที่ได้จากการสแกนชิ้นงาน หลังจากนั้นจะใช้ CAE ในการวิเคราะห์ชิ้นส่วนต่าง ๆ
ว่ามีคุณสมบัติตามที่ต้องการไหม ถ้ามีปัญหาก็จะใช้ CAD แก้ไขจุดบกพร่อง แล้วใช้ CAE
จนกว่าจะได้ชิ้นส่วนที่มีคุณสมบัติตามที่ต้องการ หลังจากการใช้ CAE วิเคราะห์ชิ้นงานจน
ได้ตามที่ต้องการแล้วก็จะใช้ CAM แก้ไขเส้นทางเดินทางของเครื่องมือกัดขึ้นรูปแล้วจาก
นั้นก็ใช้ CAM สร้างรหัสจีเพื่อส่งไปให้เครื่องจักรซีเอ็นซี ทำการกัดขึ้นรูปชิ้นงานหรือ
กัดแม่พิมพ์ เมื่อซีเอ็นซี กัดชิ้นงานเสร็จแล้ว เรายังสามารถใช้ CAE ในการตรวจสอบชิ้น
งานที่สร้างขึ้นมาว่ามีขนาดตรงตามแบบหรือไม่ในกรณีที่งานต้องการความเที่ยงตรงสูง ระบบ CAD/CAM/CAE ไม่จำเป็นที่ดีที่สุดที่ขายในท้องตลาด สิ่งที่สำคัญคือการเลือกใช้
งานตามความเหมาะสมกับความต้องการกับการใช้งานของโรงงานหรือบริษัทนั้น ๆ ถึงแม้ว่า
โรงงานที่ใช้ระบบงานนี้ได้ดี สิ่งที่สำคัญที่จะทำให้การใช้งานระบบประสิทธิภาพคือบุคลากร
ที่ปฏิบัติงาน ต้องมีความรู้ความเข้าใจในระบบดีพอสมควร เช่น งานทำแม่พิมพ์ฉีดพลาสติก
เราใช้ CAE ทบทวนชิ้นส่วนที่ออกแบบก่อนที่จะใช้เครื่องจักรซีเอ็นซีทำการกัดขึ้นรูป
เพื่อยืนยันว่าแม่พิมพ์เมื่อนำไปฉีดแล้วพลาสติกจะไหลเข้าไปเต็มแม่พิมพ์อย่างถูกต้องแน่นอน
ซึ่งการวิเคราะห์นี้จะทำให้เราเห็นว่าพื้นที่ส่วนไหนที่พลาสติกไม่สามารถไหลเข้าไปได้เต็ม
หรือทำให้เกิดโพรงอากาศ หรือเส้นรอยเชื่อมต่อ การเปลี่ยนแปลงแบบเพื่อปรับปรุงให้สามารถ
ฉีดพลาสติกได้เต็มแบบสามารถทำได้ในจุดนี้ซึ่งแบบยงไม่ได้ทำจริง สิ่งนี้จะช่วยประหยัดเงินทุน
จำนวนมากซึ่งเกี่ยวเนื่องกันการเปลี่ยนเครื่องมือกัดชิ้นงาน
3. จงยกตัวอย่าง งาน หรือ ระบบงาน หรือ เครื่องมือ เครื่องจักร ที่มี CAD , CAM , CAE
เป็นองค์ประกอบ โดยค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ
ตอบ
การนำ CAMไปใช้ในงานอุตสาหกรรม
การใช้งาน CAM นี้หากจะให้ได้ผลเต็มที่ทั้ง 3 ส่วนคือ CAD/CAM/CAE จะต้องสามารถส่งข้อมูลถึงกันและกันได้ เวลาใช้งานมันต้องต่อกันทั้ง 3 ส่วน ส่วนไหนมีการแก้ไข (Up Date) ข้อมูลอีก 2 ส่วน ก็จะถูกแก้ไขด้วยโดยอัตโนมัติ เช่นเริ่มต้นที่ CAD ช่างเขียนแบบก็จะเริ่มจินตนาการขึ้นมา ข้อมูลที่ได้จาก CAD ก็จะถูกส่งไปให้ทั้งหน่วยผลิตและวิศวกร หน่วยผลิตก็จะดูว่ารูปร่างหน้าตาแบบนี้จะต้องเตรียมเครื่องมืออะไรบ้าง กระบวนการผลิตจะใช้แบบไหนขณะเดียวกันวิศวกรก็จะเริ่มดูว่า ความแข็งแรง อายุการใช้งาน เหมาะสมไหม หรือมีตรงไหนที่ต้องปรับปรุงบ้าง จะมีการสื่อสารกันตลอดเวลา หากทางหน่วยผลิตบอกว่าตรงนี้ต้องมีการแก้ไขเนื่องจากเครื่องมือที่เรามีนั้นไม่สามารถจะทำตรงนี้ได้ ก็จะต้องมีการเปลี่ยนรูปร่างใหม่ ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงนี้ก็จะส่งถึงทุกคนแบบทันทีทันใด หรือในกรณีวิศวกรทำการวิเคราะห์แล้วเห็นว่าตรงนี้มันค่อนข้างอ่อนแอ จำเป็นที่จะต้องเพิ่มเนื้อวัสดุเข้าไป ทั้งช่างเขียนแบบ CAD และหน่วยผลิตก็จะทราบเหตุการณ์นี้ในเวลาเดียวกัน ทำให้แก้ไขแบบได้ในทันท่วงที ไม่ใช่ผลิตออกมาก่อนแล้วมานั่งไล่แก้กันทีหลัง
ในระบบปัจจุบัน CAD/CAM/CAE ได้ถูกพัฒนาให้ทำงานร่วมประสานกันโดยผ่านเข้าสู่อินเตอร์เน็ตทำให้สามารถดำเนินการออกแบบและแก้ไขแบบของผลิตภัณฑ์ได้ทุกแห่งของโลก เช่น อุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ ผู้ออกแบบซึ่งอยู่ที่อังกฤษจะส่งรายละเอียดของแบบไปยังวิศวกรที่อเมริกา จากนั้นข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็นในการผลิตจะถูกส่งต่อไปยังผู้ผลิตที่อยู่ที่อิตาลี ทำให้การเลือกใช้ความสามารถของบุคลากรและทรัพยากรต่างๆ มีอย่างไม่จำกัด

วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ระบบ cim ที่ใช้ในบริษัทฯ

เนื่องจากทางบริษัทของเราไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ จึงแนะนำให้ทุกคนศึกษาโปรแกรม Expess ที่นี่ได้เลยนะครับ
เพราะทางบริษัทฯของเราก็ใช้โปรแกรมนี่ในหน่วยงานของเราครับ
http://www.esg.co.th/xoops/modules/news/article.php?storyid=2

Hardware ที่ทันสมัยที่สุด

Nvidia ประกาศความเป็นผู้นำอีกครั้งด้วยการ์ด GeForce3 ที่เร็วสุด ๆ พร้อมคุณสมบัติใหม่เพียบ ชนิดคนในวงการการ์ด 3D ต้องตะลึง
สิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้ในแวดวงคอมพิวเตอร์รอคอยกันมานานกว่าครึ่ง ปีจาก Nvidia ก็คือการ์ดแสดงผลรุ่นใหม่ล่าสุดที่ Nvidia สัญญาเอาไว้ว่าจะออกใหม่ทุก ๆ 6 เดือน
เดิมทีนั้นหลังการวางตลาด GeForce 2 GTS ได้ใหม่ ๆ ผู้ใช้จำนวนมากตื่นเต้นไปกับความสามารถใหม่และพลังความเร็วที่เหนือชั้นกว่าการ์ดแสดงผลทุกรุ่นที่วางจำหน่ายในท้องตลาด และคาดหวังว่าการ์ดรุ่นต่อไปของ Nvidia ที่จะวางตลาดต่อมา จะต้องเหนือชั้นมากยิ่งขึ้นไปอีก
แต่แล้วเมื่อ Nvidia ประกาศวางตลาด GeForce 2 Ultra ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นแค่ GeForce 2 GTS ที่เพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกาขึ้นไปอีกเล็กน้อยเท่านั้นโดยไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนสถาปัตยกรรมเพิ่มคุณสมบัติใหม่ ๆ เข้ามาเลย ทำให้ความคาดหวังที่จะได้เห็นการ์ดรุ่นใหม่ของ Nvidia มีคุณสมบัติใหม่ชนิดตะลึงโลกขาดหายไป เหลือแค่คิดกันว่าการ์ดใหม่ก็คงจะเร็วกว่าเดิมและเพิ่มความสามารถบางอย่างเข้าไปอีกนิดหน่อยพอเป็นพิธี
แต่ดูเหมือนว่า Nvidia จะไม่ยอมอยู่เฉย ๆ นั่งบนบัลลังก์แชมป์เจ้าความเร็วแบบสบาย ๆ อย่างไม่ทำการบ้าน เพราะ NV20 ชิปแสดงผลใหม่ล่าสุด ที่ตอนนี้ได้รับการประกาศชื่ออย่างเป็นทางการว่า GeForce 3 มีคุณสมบัติใหม่ ๆ หลายอย่างชนิดที่เมื่อประกาศออกมานั้นทำให้คนในแวดวงคอมพิวเตอร์อ้าปากค้างกันไปเลย

http://user.se-ed.com/content/Us88/us88_119.asp

วันพุธที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ประโยชน์ของ Web blog

ประโยชน์ของ Web blog

Blog มีไว้เพื่อตอบสนองตัณหาของเจ้าของ blog ถึงแม้ว่า blog จะมีลักษณะหน้าตาคล้ายกัน แต่ blog แต่ละแห่งจะมีบุคลิกเฉพาะตัว แตกต่างกันไปเหมือนบุคลิก บาง blog แค่เล่าเรื่องชีวิตประจำวัน บาง blog เกาะติดข่าว บาง blog คุยเรื่องการเมืองหรือปรัชญา จงนั้นอาจแบ่งประโยชน์ได้หลายแบบด้วยกัน ซึ่งอาจจะแจกแจงได้ดัง

นี้

1.เปิดตัวเองให้โลกรู้ เรื่องของ blog มักเป็นเรื่องราวของเจ้าของ blog เป็นการเล่าประสบการณ์หรือความคิดของเจ้าของ เป็นการถ่ายทอดความคิดความรู้สึกของเจ้าของ blog เป็นการระบายความเคลียดอีกทางหนึ่ง

2.ทันข่าวทันเหตุการณ์ ประสบการณ์บางคนก็เป็นข่าวเห็นอีกหลายคนได้ ข่าวจาก blog หลายแห่งเป็นข่าววงใน บางคนเล่าเหตุการณ์หรืออุบัติเหตุที่เจอมา หลาย blog พูดถึงแนวโน้มหรือความเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ

3. กลั่นกรองข้อมูล blog บาง blog จะมีการกลั่นกรองข้อมูลก่อนนำลง blog ทำให้ผู้อ่าน blog ไม่ต้องเสียเวลาในการกลั่นกรองข้อมูล เพราะมีการนำเสนอข้อมูลหรือมีไกด์ในการท่องเว็บ

4. รายงานการท่องเว็บ เป็นวัตถุประสงค์หลักที่เป็นต้นกำเนิดของการทำ blog หลาย blog มีการลิงก์ไปยังเว็บที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาใน blog ซึ่งเป็นการแนะนำว่าเว็บไหนดีก็ไปที่เว็บนั้น

5. การแสดงความคิดเห็น ไม่ว่าจะเป็นความในใจของเรื่องต่างๆ ความคิดเชิงสร้างสรรค์ หรือการบ่นที่ทุกคนมีอยู่ในใจ การทำ blog เป็นช่องทางถ่ายทอดความคิดเห็นให้คนอื่นรับรู้

6. ถ่ายทอดประสบการณ์ หรือไดอะรี่ออนไลน์ เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวในชีวิตประจำวัน หรือเป็นการเล่าเรื่องการเดินทางท่องเที่ยว เช่น www.terrystrek.com

7. โน้มน้าวใจผู้อ่าน ลักษณะนี้เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ แต่กรณีแบบนี้เป็นการขายความคิด อย่าง blog สำหรับคอการเมืองอาจจะมีฝ่ายซ้าย - ฝ่ายขวา,สายเหยี่ยว ­- สายพิราบ จะพบว่าเนื้อหาจะเป็นการโพสต์โจมตีฝ่ายตรงข้าม แล้วก็สนับสนุนแนวความคิดของตนเอง

webblog คืออะไร

บล็อก (อังกฤษ: blog) หรือ เว็บล็อก (weblog) เป็นหน้าเว็บประเภทหนึ่ง ซึ่งคำว่า blog ย่อมาจากคำว่า weblog หรือ web log โดยคำว่า weblog นั้นมาจาก web (เวิลด์ไวด์เว็บ) และ log (ปูม, บันทึก) รวมกัน หมายถึง บันทึกบนเวิล์ดไวด์เว็บ นั่นเองบล็อก (Blog) หรือ เว็บบล็อก (Weblog) เป็นเว็บไซต์สำหรับเขียนบันทึกเล่าเรื่องราวประจำวันเพื่อสื่อสารความรู้สึกนึกคิด มุมมอง ประสบการณ์ ความรู้ และข่าวสาร ในเรื่องที่ผู้เขียนท่านหนึ่งๆ (Blogger) สนใจโดยเฉพาะ ซึ่งลักษณะดังกล่าวนี้ทำให้บล็อกต่างกับเว็บบอร์ด และเนื่องจากความจริงใจและอิสระทางความคิดที่สื่อสารออกไป ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ใน ลักษณะของบุคคลที่หนึ่ง เป็นการบ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของผู้เขียนได้เป็นอย่างดีทีเดียว จึงทำให้บล็อคเป็นสื่อที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในนานาประเทศ คำว่า “บล็อก” เริ่มใช้เป็นครั้งแรกๆผ่านทางหน้าหนังสือพิมพ์และนิตยสารเมื่อปี 2542 เมอร์เรียม-เว็บสเตอร์ตัดสินใจบรรจุคำว่า “บล็อก” ลงในเว็บไซต์ในสังกัดบางแห่งไปก่อน โดยให้คำจำกัดความไว้ว่า “เว็บไซต์ที่บรรจุ เรื่องราวเกี่ยวกับบันทึกส่วนตัวประจำวัน ซึ่งสะท้อนถึงมุมมอง ความคิดเห็นของบุคคล โดยอาจรวมลิ้งค์เชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์อื่นๆ ตามความประสงค์ของเจ้าของเว็บบล็อกเองด้วย”ในปัจจุบันบล็อก ถูกใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารรูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการประกาศข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ผลงาน ฯลฯ และกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยขณะนี้ได้มีผู้ให้บริการบล็อกมากมาย ทั้งแบบให้บริการฟรี และเสียค่าใช้จ่ายวัตถุประสงค์ที่สำคัญอย่างหนึ่งในการเขียนบล็อคคือ การเขียนเพื่อนำเสนอหรือแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับผู้อื่น ดังนั้นผู้เขียนจึงต้องคำนึงว่าบันทึกที่เขียนนี้ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง เป็นเหตุการณ์ที่เกิดจริง หรือเป็นข้อมูลที่ได้มาจากแหล่งข้อมูลที่มีอยู่จริง นอกจากนี้ การเขียนเพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในบล็อคของผู้อื่น แม้จะเป็นไปได้โดยอิสระเช่นเดียวกันกับการเขียนบันทึกในบล็อค ก็ควรเป็นการเขียนที่ใช้ภาษาสุภาพและเป็นการให้ความเห็นเกี่ยวกับบันทึกนั้นๆ โดยตรง นอกจากนี้จะต้องไม่เป็นการเขียนเพื่อวัตถุประสงค์ในการแทรกแซงและทำลายความคิดสร้างสรรค์ ความสนุกสนานในการเขียนบล็อคของผู้เขียนท่านนั้นๆ ส่วนการเขียนบล็อคให้มีผู้อ่านติดตามเยอะๆ นั้น ควรเขียนเป็นประจำสม่ำเสมอ และเป็นงานเขียนที่เป็น Original คือ เขียนจากความรู้ประสบการณ์เรื่องราวของผู้เขียนโดยตรง นั่นเอง